Saturday, September 21, 2024
Latest:
ทั่วไป

! สายเลือดใหม่ พรรคก้าวไกล”น้องปราย “ ทนไม่ไหว พรรค ถูกรังแก เตรียมลาออกงานทิ้งเงินเดือนครึ่งแสน ขับเคลื่อนการเมือง เคารพคำพิพากษา แต่ไม่เห็นด้วย หากยุบพรรคสมาชิกพรรคนับแสน เตรียมสมัครพรรคใหม่

สำนักงานข่าวหนังสือพิมพ์STNEWS รายงานวันที่ 2 สิงหาคม 2567 นายชินพัตน์ หู้เต็ม สายเลือดใหม่พรรคก้วไกลจังหวัดกำแพงเพชร กล่าวว่าตนเองเตรียมลาออกจากงานประจำเงินเดือนครึ่งแสนเพื่อมาช่วยขับเคลื่อนงานการเมืองของพรรคก้าวไกล จังหวัดกำแพงเพชร พรรคจะเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร พร้อมสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร (ส.อบจ. ) ทั้ง 30 เขต เร็วๆนี้ ตอนนี้ผมทราบมาว่ามีผู้สนใจจะสมัคร (ส.อบจ.) พรรคก้วไกล จำนวนมากทางพรรคกำลังพิจารณาคุณสมบัติผู้สมัครน่าจะได้ข้อยุติภายในเดือนสิงหาคม แหล่งข่าวมีผู้สมัคร สว.ระดับประเทศจังหวัดกำแพงเพชร หลายท่านประสงค์จะลงสมัคร ส.อบจ.ในนามพรรคก้าวไกลจำนวนมาก นายชินพัตน์ กล่าวว่าวันที่ 7 สิงหาคม ตนเองจะรอลุ้นคำพิพากษา อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่กับกลุ่มเพื่อนสมาชิกพรรคก้าวไกล “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ “กล่าว ความพยายามทำระบอบ ปชต. อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขหยุดนิ่ง-พัฒนาไม่ได้ จะเป็นอันตรายต่อการปกครอง เหตุ สูญเสียความยืดหยุ่น-ปรับสมดุลใหม่เข้าสภาพแวดล้อม ไม่ขอก้าวล่วงคาดเดาคำวินิจฉัยศาล ยันไม่ได้ปลุกมวลชน อุบแผนสำรองหากคดียุบพรรคเป็นโทษ ลั่นไม่ต้องห่วง สส.เป็นปึกแผ่น ทำงานตรวจสอบรัฐบาลเหมือนเดิม

ณ อาคารอนาคตใหม่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงข่าวปิดคดียุบพรรค ว่า การตัดสินคดียุบพรรคก้าวไกล มีเส้นแบ่งระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคที่เคยถูกยุบในอดีต ไม่มีระเบียบข้อบังคับ กฎหมายของกกต.ในการรวบรวมพยานหลักฐานในการยุบพรรค โดยพรรคก้าวไกลเป็นพรรคแรกที่มีกระบวนการนี้เกิดขึ้นจึงเป็นเส้นแบ่งระหว่างพรรคก้าวไกล กับคดีของพรรคอื่นๆที่ผ่านมา

ซึ่งตั้งแต่ปี 2549 มีพรรคการเมืองถูกยุบไปทั้งหมด 33 พรรค มีนักการเมืองถูกตัดสิทธิไปอย่างน้อย 249 คน และมีการยกคำร้องประมาณ14ปีที่แล้ว เป็น1ใน 34 พรรคที่รอด พรรคนั้นรอดไม่ถูกยุบและยกคำร้องเพราะกระบวนการยื่นคำร้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากนายทะเบียนไม่ได้ทำตามที่ระเบียบของกกต.ที่กฎหมายบัญญัติไว้ แม้กระทั่งการชี้แจง ซึ่งเป็นการเสียโอกาส และจากการตรวจสอบหลักฐานก็พบว่ามีบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคก้าวไกลอยู่จำนวนมากด้วยเช่นกัน ทั้งนี้มองว่า หากกกต.ทำตามระเบียบที่ออกมาเมื่อก.พ.2556 ก็จะคงจะได้อธิบายให้กกต.ให้รับทราบ พร้อมขอบคุณ นายสุรพล นิติไกรพจน์ ที่เป็นหลักในการอธิบายกฎหมาย และออกมาเป็นไปตามข้อต่อสู้ของพรรคก้าวไกล

นายพิธา ยังกล่าวอีกว่า พรรคก้าวไกลเห็นว่า การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขนั้น เป็นการนำองค์ประกอบ 2 ประการ คือ ระบอบประชาธิปไตย และสถาบันพระมหากษัติรย์มาดำรงอยู่คู่กัน กลายเป็นระบบการเมืองโดยหลักการอำนาจประชาธิปไตยเป็นของประชาชน สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน ย่อมได้รับการคุ้มครองจากรัฐโดยมีองค์พระมหากษัตริย์เป็นประมุขของรัฐ ซึ่งมีรูปแบบของรัฐเป็นรูปแบบของราชอาณาจักร โดยพระองค์ไม่ทรงใช้อำนาจทางการเมืองและการปกครองด้วยพระองค์เอง

ด้วยเหตุนี้องค์พระประมุขของรัฐ จึงดำรงความเป็นกลางทางการเมือง มีพระราชฐานะเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนผู้ใดจะละเมิดฟ้องร้องมิได้ การประสานสถาบันพระมหากษัตริย์ กับระบอบประขาธิปไตยให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกันโดยสาทารถรักษาคุณค่ารักษาพื้นฐานของทั้งสององค์กปีะกอบอย่างสมดุลจึงเป็นโจทย์สำคัญของการธำรงไว้ซึ่งระยอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และในแต่ละประเทศย่อมมีลักษณะไม่เหมือนกัน และไม่ได้มีลักษณะหยุดนิ่งตายตัว การจัดระเบียบสังคม การออกแบบสถ่บันทางการเมือง กฎหมาย วัฒนธรรมคุณค่าพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขของแต่ละประเทศนั้นย่อมเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง ไปตามวิวัฒนกาารของสังคม

ความพยายามที่จะทำให้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข มีลักษณะหยุดนิ่งตายตัว พัฒนาเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ย่อมเป็นอันตรายต่อการปกครองของเรา เพราะจะทำให้สูญเสียความยืดหยุ่น และความสามารถในการปรับสมดุลใหม่ให้เข้ากับสภาพแสดล้อม และเวื่อนไขทางสังคมที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย เสียโอกาสที่จะรักษาสิ่งเก่าและเชื่อมประสานต่อสิ่งใหม่เพื่อป้องกันไม่ให้ระบอบประขาธิปไตยและสถาบันแปลกแยกต่อกัน

การปกปักษ์รักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข จึงไม่สามารถบรรลุได้ด้วยการใช้อำนาจด้วยการกดปราบ ไม่ว่าจะกดปราบจากการใช้กำลัง และกฎหมาย มีแต่ต้องสร้างสมดุลให้ได้สัดส่วนเหมาะสมกับยุคสมัย เพื่อให้ระบอบนี้มั่นคงยั่งยืน ด้วยความเชื่อมั่นศรัทธา ด้วยความยินยอมพร้อมใจของประชาชน

เพราะหลายปีที่ผ่านมา การนำประเด็นความจงรักภักดี เข้ามากล่าวหาโจมตีทางการเมือง นำไปสนับสนุนหรือเกี่ยวพันกับการรัฐประหาร ทั้งการทำรัฐประหารโดยกำลังทหารและกฎหมาย รวมถึงการแสดงความจงรักภักดีอย่างล้นเกินเพื่ออำพรางการแสงหาผลประโยชน์ส่วนตนอย่างฉ้อฉลของคนบางกลุ่ม ประกอบกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางการเมืองของยุคสมัย ได้กระตุ้นให้เกิดปฏิกริยาการเมือง และความรู้สึกนึกคิดแบบใหม่ซึ่งสังคมไทยในอดีตอาจไม่คุ้นเคย แทนที่ผู้มีอำนาจจะตระหนักถึงความผิดพลาดในอดีต และพยายามแสดงหากุศโลบายด้วยสติปัญญา เพื่อตลี่คลายแรงตึงเครียดปละสร้างฉันทมติใหม่มห้สอดคล้องกับยุคสมัย กลุเบือกที่จะใช้อำนาจกดประชาชนมากยิ่งขึ้น รวใถึงมีการบังคับใช้ กฎหมาย ม.112 อย่างรุนแรงแบบที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน

สืบเนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าว สส.พรรคก้าวไกลจึงเห็นความจำเป็นที่จะเสนอให้ปรับปรุงแก้ไข ม.112 ด้วยมีเจตนาที่จะฟื้นฟูสายสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป และสร้างสมดุลใหม่ที่ได้สัดส่วนระหว่างการคุ้มครองพระเกียรติยศแห่งองคณพระประมุขกับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาดุลยภาพและความมั่นคงของสถรบันพระมหากษัตริย์ในระบอบประขาธิปไตยของประเทศไทย

ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัติรย์ทรงเป็นพระประมุขจะดำรงอยู่อย่างมั่นคงได้มิใช่การบ่อนทำลายสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของผระชาชน และหลักคุณค่าพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย

ในทางตรงกันข้ามการพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขจะต้องโอบรัดความหลากหลายในสังคมอย่างมีภราดรภาพ มีการรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกันอันเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะและมีความอดทนอดกลั้นในการรัยฟังความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย กระบวนการทางประชาธิปไตย แก้ปัญหาความแตกต่างความแตกต่างขัดแย้งในสังคม อย่างมีวุฒิภาวะ ด้วยวิถึการเสริมสร้างประขาธิปไตย ที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ภายใต้องค์พระบารมี ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนโดยไม่แบ่งแยก จะเป็นการธำรงค์ไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขให้ยืนยงสืบไปเยี่ยงนานาอารยะประเทศ

จากนั้นเป็นการเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์ ถึงแนวทางการต่อสู้คดีของพรรคก้าวไกล ผู้สื่อข่าวถามถึงการประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ นายพิธา กล่าวว่า ตนเองคงไม่ขอก้าวล่วงประเมินไปข้างหน้า แต่มั่นใจในข้อเท็จจริง และมั่นใจในเรื่องของข้อกฎหมายที่อธิบายไปแล้ว

นายพิธา กล่าวต่อว่า เราไม่สามารถก้าวล่วง หรือคาดเดาสิ่งที่เป็นคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญได้ แต่สิ่งที่เราทำได้คือการยืนยันข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายทางของเรา และเชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะได้รับความยุติธรรม เหมือนพรรคหนึ่ง ที่เคยได้รับมาเมื่อ 14 ปีที่แล้ว รวมถึงบรรทัดฐานในการพิจารณาเป็นไปตามหลักสากล และการประชุมเอเชียที่จะเกิดขึ้นในเดือนหน้าของศาลธรรมนูญไทยด้วย ก็ทำให้รู้สึกมั่นใจ ซึ่งตนเองไม่กังวลตามเหตุการณ์ทางการเมืองที่อาจจะเกิดขึ้นในเดือนนี้ คิดว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะตัดสินตามข้อกฎหมาย และข้อเท็จจริง ตามที่ได้ยินข่าวมา เป็นเรื่องเกี่ยวกับข้อกฎหมายล้วน ๆ

เมื่อถามว่า หากผลการตัดสินไม่เป็นคุณ จะทำอย่างไรต่อ นายพิธา กล่าวว่า มีคิดไว้แต่ยังไม่ถึงถึงเวลาตอนนี้เราโฟกัสในการใช้เวลาวันเสาร์ ถึงวันพุธ ในการทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของเราอย่างเต็มที่ โดยในวันพุธตอนเช้า ตนเองยังมีคิวอภิปรายเกี่ยวกับ พ.ร.บ. ขนส่งสาธารณะ และทำหน้าที่อย่างมีสมาธิ กับสิ่งที่พี่พี่น้องประชาชน 14 ล้านคน เคยให้คะแนนเสียงมา ก็ยังทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเหมือนเดิม ไม่ได้รู้สึกว่าเสียสมาธิ หรือต้องทำอะไรเป็นพิเศษ

นายพิธา กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของพี่น้องประชาชน ภายหลังจากตัดสินคดี ว่า ตนเองไม่สามารถคาดเดาแทนที่พี่น้องประชาชนได้ หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี และแน่นอนว่า การเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ การชุมนุมเป็นสิ่งที่ประชาชนสามารถทำได้ ในระบอบประชาธิปไตยที่ไร้ความรุนแรง พรรคก้าวไกลจะไม่เป็นส่วนร่วมในการสร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้น เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของพรรคก้าวไกลแน่นอน

นายพิธา กล่าวว่า กิจกรรมในวันที่ 7 สิงหาคม ณ ที่ทำการพรรค ไม่ได้เป็นการปลุกมวลชน แต่เป็นการมีส่วนร่วมของประชาชนมาโดยตลอด ทั้งสมาชิกพรรค และเจ้าหน้าที่พรรค

นายพิธา กล่าวถึงการหาพรรคสำรอง หลังมีกระแสการดีลพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล ว่า ยังไม่ได้คิดถึงตรงนั้น ตอนนี้โฟกัสการสู้คดีเรื่องการยุบพรรค เมื่อถึงเวลาตอนนั้น คงพูดคุยอีกที แต่ตอนนี้พรรคยังไม่มีมติใด ๆ ทั้งสิ้น หากคำตัดสินไม่เป็นคุณ ตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคใหม่แล้ว คงตอบแทนไม่ได้ แต่ยังเชื่อว่าในวันพฤหัสบดี จะทำหน้าที่ให้สภาผู้แทนราษฎรเหมือนเดิม

นายพิธา ยืนยันว่า สส. ของพรรคยังรักษาความเป็นปึกแผ่นเหมือนเดิม ไม่มีตามที่มีกระแสข่าว และมีการพูดคุยถึงเรื่องการทำงานเพื่อตรวจสอบรัฐบาลเหมือนเดิม ไม่มีอะไรต้องห่วง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ชมรมสื่อโซเชียลประเทศไทย
095-342-168