“นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แก้หนี้นอกระบบ ทั่วประเทศ เป็นวาระแห่งชาติ นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร Kick Off ลูกหนี้สะอื้น น้ำตาคลอ ดีใจพ่อเมือง นายอำเภอหญิง โกสัมพีนคร ช่วยประชาชน

“คอลัมน์ กาแฟดำ ” ทุกรัฐบาลพอเข้ามาบริหารประเทศ จะเข้ามาดูแล ประชาชนผู้ด้อยโอกาสที่เข้าไม่ถึงแหล่งทุนภาครัฐ เมื่อเข้าไม่ถึงแหล่งทุน จึงหันไปกู้เงินนอกระบบ ตั้งแต่ ร้อยละ 5 % ต่อเดือน ถึงร้อยละ 20 % ต่อเดือน ดอกเบี้ยโหด เป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทย รัฐบาลเศรษฐา 1 เร่งแก้ปัญหาหนี้แก้นอกระบบ เป็นวาระแห่งชาติ นำกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการคลัง และทุกภาคส่วนของหน่วยงานราชการ เป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย ตั้งแต่ต้นจนปิดหนี้ นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร นางสาวสุพัตรา คล้ายทิม รองผู้ว่าฯ นายอนุชา พัสถาน รองผู้ว่าฯ นายจักรกฤษณ์ ช้อนนาค อัยการจังหวัดกำแพงเพชร นายชัยพฤกษ์ เชียรธานรักษ์ ปลัดจังหวัดฯนายสกุลเพชร พิกุลประเสริฐ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดฯ นางสาวปทิตตา เลาหพิบูลรัตนา คลังจังหวัดกำแพงเพชร พ.ต.อ.ชลิต วิริยะไกร รอง ผบก.ภ.จว.กำแพงเพชร พ.อ.เสมอ แจ่มใส รอง ผอ.รมน.จังหวัดกำแพงเพชร นายอำเภอ 11 อำเภอ นายเสกศันต์ สารการ ป้องกันจังหวัดกำแพงเพชร นางเยาวลักษณ์ เครือคำขาว ประชาสัมพันธ์จังหวัดฯ หัวหน่วยราชการทุกภาคส่วน สนองนโยบายรัฐบาล เร่งรัดแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ “ผู้ว่าฯชาธิป Kick Off ตลาดนัดแก้หนี้ ”วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2567 เวลา 08.30 -16.00 น.ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์ราชการจังหวัดกำแพงเพชร สำนักงานหนังสือพิมพ์STNEWS และหนังสือพิมพ์เพชรกำแพงนิวส์ ส่งผู้สื่อข่าวสังเกตุการณ์ มีเจ้าหนี้ลงทะเบียน 1,020 ราย ลูกหนี้ลงทะเบียน 1,422 ราย รวมยอดหนี้ประมาณ 92 ล้านบาท

ทางจังหวัดกำแพงเพชร ได้ไกล่เกลี่ย เจ้าหนี้-ลูกหนี้ ตกลงหาข้อยุติ ได้สำเร็จเบื้องต้น 29 ราย จำนวนเงิน 5 ล้านบาท ทีมงานผู้สื่อข่าว สอบถามลูกหนี้นอกระบบ 12 ราย มีอยู่ 3 ราย อยู่ตำบลสระแก้ว เจ้าหนี้คนเดียวกัน 3 ราย กู้รวม 178,000 บาท ส่งดอกเบี้ยไปแล้วประมาณ 300,000 บาท ดอกร้อยละ 20 ต่อเดือน ปีละ 240 ต่อปี ลูกหนี้ค้าขายอาหารตามสั่ง ช่วงนี้ขาดส่งดอกเบี้ย เดือนละ 30,000 บาท มา 2 เดือนแล้ว ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว ต้องเลี้ยงดูพ่อ ซึ่งเป็นอัมพฤกษ์ ลูกและครอบครัว เล่าให้ผู้สื่อข่าว แบบไม่อาย ที่บ้านจำนำ ซึ้งนึ่งอาหาร หม้อหุงข้าว อุปกรณ์ทำอาหารขาย จำนำหมดทุกอย่าง ค่าเทอมลูก ก็ยังไม่ได้จ่ายโรงเรียน ตอนนี้หาทางออกไม่ได้ ดีใจได้เจอนายอำเภอหญิงแห่งอำเภอโกสัมพีนคร เข้ามาพูดคุย ถามปัญหาและรับเรื่องร้องเรียนท่านนายอำเภอหญิง ขอรายละเอียดเกี่ยวกับการกู้ เจ้าหนี้ หนูรู้สึกเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ นอนไม่หลับมาหลายเดือน ดีใจไม่นึกว่ามา“ตลาดนัดแก้หนี้”ที่ศูนย์ราชการจังหวัดกำแพงเพชร ครั้งนี้หนูเริ่มมีความหวัง เพราะว่าเจ้าหนี้ เป็นคนมีชื่อเสียงของจังหวัด ร่วมทำกิจกรรมต่างๆกับหน่วยงานราชการ มีรูปโปรไฟล์ ถ่ายกับข้าราชการ นักการเมือง หนูมองว่า คงไม่มีโอกาสไกล่เกลี่ยหนี้สำเร็จ ได้ความรู้จากสื่อมวลชน ว่าไม่ต้องกลัว หนี้ที่เรากู้เจ้าหนี้เรียกเก็บดอกเบี้ยโหด เกินกว่ากฏหมายกำหนด ตามประมวลกฏหมายแพ่งและพานิชย์มาตรา 654 ห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยเกินร้อยละ 15 ต่อปี เจ้าหนี้เรียกเก็บดอกเบี้ยโหด ร้อยละ 240 ต่อปี ทางเจ้าหน้าที่ของรัฐ สามารถดำเนินคดีอาญา และยึดทรัพย์ เช่น บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.นำยึดทรัพย์ นายทุนดอกเบี้ยโหด 100 ล้านบาท ศาลสั่งจำคุก เจ้าหนี้เงินกู้โหด 76 ปี เมืองขอนแก่น แต่กฏหมายให้จำคุกสูงสุด 20 ปี ผู้สื่อข่าว นำเสนอข่าวตัวอย่าง ให้ลูกหนี้อยู่ในหอประชุมศูนย์ราชการ ฟัง ถ้าเจ้าหนี้ ท้าทายกฏหมาย พ่อเมืองกำแพงเพชร จัดการขั้นเด็ดขาดแน่ และไม่ต้องกลัว ที่เจ้าหนี้ถ่ายรูปกับนักการเมือง ข้าราชการ หลายกลุ่ม หลายองค์กรมหลายสมาคมฯ คนกลุ่มนี้เข้ามาตีสนิทถ่ายรูป แล้วนำโปรไฟล์ ไปข่มขู่พวกลูกหนี้ ผอ.นสพ.STNEWS และ ผอ.นสพ.เพชรกำแพงนิวส์ มั่นใจข้าราชการ นักการเมือง ไม่มีส่วนเก็บดอกเบี้ยโหด ร้อยละ 240 ต่อปี ทางผู้สื่อข่าว ได้เห็นภาพถ่ายเจ้าหนี้ดอกเบี้ยโหด ถ่ายกับข้าราชการ นักการเมืองแล้วผู้สื่ข่าว กำลังจะประสานหัวหน้าส่วนราชการ เพื่อให้ข้อมูลต่อไป นางสาวกุลธิดา พยา นายอำเภอหญิง แห่งโกสัมพีนคร ทางลูกหนี้บอกประทับใจท่านมาก ที่ท่านให้ความสนใจ ใส่ใจประชาชนตัวเล็กๆ ที่กำลังจะจมน้ำตาย หนูไม่เคยคิดเลยว่าจะเจอ ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร และนายอำเภอหญิง ที่หวงใยประชาชนเหมือนคนในครอบครัว ลูกหนี้กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวว่า รัฐบาลเห็นปัญหาหนี้นอกระบบ เป็นปัญหาที่กัดกร่อนสังคมไทยมานาน และเป็นเรื่องใหญ่ของคนไทยจำนวนมาก วันนี้เราจะเอาจริงเอาจัง ทำให้การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติ ฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่ คืนศักดิ์ศรี คืนความหวังและสร้างความมั่นคงให้กับประชาชนคนไทยทุกคน โดยวันนี้เราได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายปกครอง ที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชน และฝ่ายตำรวจ ที่ช่วยกำกับดูแลบังคับใช้กฎหมาย จะมาทำงานร่วมกัน แก้ไขทั้งเรื่องหนี้ และมีเรื่องของความสัมพันธ์ในระดับชุมชนที่ละเอียดอ่อน ซึ่งนอกจากการแก้ไขหนี้แล้ว รัฐบาลยังจะฟื้นฟูเศรษฐกิจ สร้างความเข้มแข็งตั้งแต่ระดับครัวเรือนจนขึ้นไปถึงระดับมหภาค ยกระดับความเป็นอยู่ ทำให้ไม่กลับไปมีหนี้ล้นพ้นตัวอีก

ย้ำว่า ปัญหาหนี้นอกระบบ ได้กัดกร่อนสังคมไทยมายาวนาน และเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาสังคมอีกหลายประการ รัฐบาลได้ประเมินจำนวนครัวเรือนที่มีปัญหาหนี้นอกระบบไว้ คิดเป็นมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งคิดว่าเลขนี้น่าจะประเมินไว้ค่อนข้างต่ำ และปัญหาจริง ๆ น่าจะมีมากกว่านั้น ทั้งนี้คนที่ไม่ได้เป็นหนี้อาจจะสงสัยว่า ทำไมต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะหนี้นอกระบบเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบ “ต่อทุกคน” ที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจ ประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นรากฐานสำคัญของประเทศ ต้องเจอกับความเปราะบางที่เกิดขึ้นจากหนี้สิน ที่ใช้เท่าไรก็ไม่มีวันหมด พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะฝัน หรือทำตาม Passion ได้ ปิดโอกาสการต่อยอดไปหลายอย่าง ไม่สามารถเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ ส่งผลกระทบเป็นโดมิโน่ไปยังทุกภาคส่วน และสำหรับนายกรัฐมนตรี หนี้นอกระบบถือว่าเป็น Modern World Slavery คือ เป็น “การค้าทาสในยุคใหม่” ที่ได้พรากอิสรภาพ ความฝัน ไปจากผู้คนในยุคสมัยนี้

ปัญหาหนี้ เป็นปัญหาเรื้อรังใหญ่ เกินกว่าที่จะแก้ปัญหาได้โดยไม่มีภาครัฐเป็นตัวกลาง ในวันนี้ รัฐบาลจึงต้องบูรณาการหลายภาคส่วนเข้ามาทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ และกระทรวงการคลัง เพื่อไม่ให้ประชาชนกลับไปอยู่ในวงจรหนี้สินนอกระบบอีก โดยภาครัฐจะรับบทบาทเป็นตัวกลางสำคัญในการไกล่เกลี่ยพร้อมกันทั้งหมด ดูแลทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้อย่างเป็นธรรม ตั้งแต่ต้นกระบวนการจนถึงการปิดหนี้ การทำสัญญา ที่หลายครั้งไม่เป็นธรรมตามกฎหมาย มีดอกเบี้ยที่ไม่เป็นธรรม และกระบวนการทวงหนี้ที่ใช้ความรุนแรง ต้องจัดให้ทำสัญญาที่เป็นธรรมและเป็นไปตามกฎหมาย นั่นคือ การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ภาครัฐจะต้องทำงานร่วมกันหลายหน่วยงาน เพื่อทำให้ลูกหนี้ได้มีโอกาสหายใจ มีกำลังใจพอจะดำเนินชีวิต หาเงินมาปิดหนี้ให้ได้

“คอลัมน์ กาแฟดำ ”