Monday, May 20, 2024
Latest:
ทั่วไป

“พ่อพระ แห่งวงการธุรกิจ”พี่คนนี้ มีแต่ให้ หนึ่งเดียวในเมืองชากังราว นามว่า ดร.เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ เศรษฐีใจบุญ

ดร.เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ จากพนักงานขับรถยนต์ สำนักงานศึกษานอกโรงเรียน(กศน.) สู่เจ้าของแบรนด์โด่งดัง เฉาก๊วยชากังราว คนรู้จักกันทั้งประเทศไทย มีขายตามปั้ม ปตท.ทั่วประเทศ ผอ.เพชรกำแพงนิวส์ สื่อออนไลน์ นายชัยพันธุ ศรีคชไกร คุยกับผู้สื่อข่าวST NEWS ดร.เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ ประธานส่งเสริมคุณธรรม ศีลธรรม นำการศึกษา เป็นคนจิตใจดี ชอบทำบุญ ไปดูที่สำนักงานบริษัทเฉาก๊วย ชากังราว โล่ เกียรติบัตร เต็มตู้ไม่มีที่ใส่ ล่าสุดท่านได้รับรางวัลเกียรติคุณ”ค่าของแผ่นดิน”จากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี งานสมัชชาตลาดนัดคุณธรรม ภาคเหนือ ดร.เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ ได้เข้าเยี่ยมชมบูธ สื่อมวลชนST NEWS และเพชรกำแพงนิวส์ ได้พูดคุย สอนธรรมมะให้นักข่าวต้นกล้าST NEWS โรงเรียนขาณุวิทยา นักข่าวคนไนตอบถูกรับเงินทุนการศึกษา50,000บาท แต่นักข่าวตอบได้2ข้อในจำนวน5ข้อที่ถาม เศรษฐีใจบุญ พูดคุยกับนักข่าวอย่างสนุกสนานเป็นกันเอง และบอกว่าเด็กนักเรียนโรงเรียนขาณุวิทยา คนไหนที่จนไม่มีทุนการศึกษา ขอให้เขียนจดหมายมาหาท่าน พร้อมมอบทุนการศึกษาให้ เศรษฐีใจบุญย้ำ ต้องจนจริงนะ หน่วยงาน องค์กรต่างๆ เมื่อมีกิจกรรม ก็จะมาของบสนับสนุน ทางบริษัท บางครั้งจะมอบเป็นเฉาก๊วย รชากังราว หรือถ้า ต้องการงบสนับสนุนเป็นเงิน ขอให้เป็นส่วนรวมการกุศล ท่านไม่เคยปฏิเสธ

        ประวัติ:คุณเสริมวุฒิ คือเจ้าหน้าที่ขับรถยนต์ของสำนักงานการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) กำแพงเพชร ซึ่งทำให้มีโอกาสเดินทางไปยังที่ต่างๆ ด้วยเหตุนี้เองทำให้คุณเสริมวุฒิได้มีโอกาสเห็นสินค้าต่างๆ มากมายและเกิดความคิดที่จะซื้อสินค้าติดไม้ติดมือเพื่อนำมาจำหน่ายหารายได้จุนเจือครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการขายเฟอร์นิเจอร์ ขายบ้านเรือนเก่า เรียกว่าอะไรที่ทำได้ ทำแล้วไม่ผิดกฎหมาย จะทำทุกอย่าง จนสามารถเก็บหอมรอบริบได้เงินก้อนหนึ่งมาลงทุนเปิดร้านอาหารเล็กๆตามกำลังทรัพย์ที่มีด้วยความสามารถทางด้านการทำกับข้าวซึ่งเป็นทั้งพรสวรรค์และพรแสวงทำให้ร้านเล็กๆแห่งนี้มีลูกค้าประจำมากพอสมควร ทว่าด้วยงานประจำที่เป็นคนขับรถทำให้ไม่มีเวลาดูแลร้านด้วยตนเองประกอบกับปัญหาเรื่องสุขภาพ ซึ่งแม้ว่าจะขายดีมาก แต่ก็เหนื่อยมากเพราะตี 4 ต้องตื่นแล้ว เพื่อเตรียมของให้ลูกน้องขายขายดี แต่เงินไม่ค่อยเหลือเพราะเราไม่ได้ควบคุมการขายเอง เราเตรียม ลูกน้องขาย ช่วงเที่ยงและเสาร์-อาทิตย์เท่านั้นที่เราจะมาช่วยขายได้ ทำได้ประมาณ 1 ปีก็เลิก

จุดเริ่มต้นของเฉาก๊วยชากังราว
วันหนึ่งลูกชายของคุณเสริมวุฒิ ที่เพิ่งจบการศึกษาก็มาบอกกับผู้เป็นพ่อว่าจะไปทำงานกับเพื่อนคนหนึ่งซึ่งดำเนินธุรกิจทำเฉาก๊วย ด้วยความที่เห็นว่าเป็นเรื่องดี คุณเสริมวุฒิ จึงแนะนำให้ลูกทดลองดู และอย่าไปเลือกงาน ทุกงานล้วนเป็นอาชีพถ้าสามารถเข้าใจงานได้อย่างถ่องแท้ ก็จะสามารถนำมาสร้างธุรกิจเองได้ในอนาคต
จนเวลาผ่านไปสองเดือนพ่อลูกครอบครัวสุวรรณโรจน์จึงไปซื้อเฉาก๊วยมาลองทำกันดู ผลปรากฏว่าก็สามารถทำขายได้แต่รสชาติไม่แตกต่างกับท้องตลาดมากนัก กระทั่งวันหนึ่ง เสริมวุฒิได้รับการแนะนำจากเพื่อนรุ่นพี่ให้อ่านบทความเกี่ยวกับเรื่องเฉาก๊วยในวารสารชมรมเทคโนโลยี ทางอาหารและชีวภาพ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำให้เขาเริ่มมองเห็นอะไรบางอย่าง ด้วยความรู้จากบทความผสานกับประสบการณ์ที่ได้รับการถ่ายทอดจากลูกชายทำให้เขาลองมาทำเฉาก๊วยด้วยสูตรที่แตกต่างจากของเดิม
“จากนั้นผมจึงนำเฉาก๊วยชื่อดังจากที่อื่นๆมาใส่ถ้วยโดยไม่บอกใครและให้คนรู้จักลองมากินเพื่อเปรียบเทียบรสชาติโดยไม่บอกว่าทั้งสองถ้วยนี้มาจากไหน ทุกคนที่ได้ชิมก็จะบอกว่าเฉาก๊วยถ้วยที่ผมทำนั้นรสชาติดีกว่า ทำให้เรามั่นใจที่จะนำเฉาก๊วยสูตรใหม่ออกวางตลาด”
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะสามารถผลิตเฉาก๊วยสูตรของตัวเองออกมาได้ แต่คุณเสริมวุฒิก็ยังคงทำงานประจำและด้วยหน้าที่ทำให้วันหนึ่งต้องขับรถยนต์ไปงานศิลปหัตถกรรมภาคเหนือ ที่จังหวัดลำพูน จึงขออนุญาตผู้อำนวยการกศน.กำแพงเพชร ที่จะนำสินค้าของตนเองไปวางจำหน่ายในงานซึ่งทางผอ.ก็ยินดีสนับสนุนขอเพียงไม่บกพร่องต่อหน้าที่
ซึ่งในงานนี้ถือเป็นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของคุณเสริมวุฒิอย่างเป็นทางการ และได้รับผลตอบลัพธ์ที่ดี ซึ่งคุณเสริมวุฒิ ได้ให้เหตุผลว่า “เราไม่ได้ขายเฉาก๊วยธรรมดาแต่ขายเฉาก๊วยสดเพราะเราเอาเฉาก๊วยไปเคี่ยวในงานให้ทุกคนเห็น หลายคนเห็นก็สนใจว่านี่หรือคือต้นเฉาก๊วย เมื่อทุกคนมั่นใจในวิธีการผลิตผมก็ตักลองให้ลูกค้าลองชิม คุณเชื่อไหมลูกค้าแทบทุกคนติดใจซื้ออีกแก้วทันที ตอนนั้นเราขายแก้วละ 7 บาท วันนั้นก็มีนักข่าวสถานีวิทยุลำพูนมาถ่ายรูปผม ซึ่งเราก็ไม่คิดอะไร วันรุ่งเช้าเขาก็เอาร้านผมซึ่งไปในนามกศน.กำแพงเพชรไปประชาสัมพันธ์ออกเสียงทั่วทั้งจังหวัดทำให้วันที่สองมีลูกค้ามามากขึ้นกว่าเดิม”

ชื่อเสียงเริ่มมากขึ้น
ชื่อเสียงเริ่มโด่งดังก็มีพ่อค้าที่เพชรบูรณ์โทร.มาติดต่อซื้อเฉาก๊วยของเขาไปขายถึง 2,000 ถุงซึ่งถือว่ามากในขณะนั้นเพราะต้องใช้แรงงานภายในครอบครัวเป็นหลักทำให้เขาต้องไปช่วยลูกค้าขายในงานอุ้มพระดำน้ำซึ่งเป็นงานประจำปีที่เพชรบูรณ์ที่มี ซึ่งมี สมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตส.ส.สุโขทัย เป็นประธานเปิดงาน
“คุณสมศักดิ์เขาก็มาดูแต่ละร้านขายของ พอมาถึงผมๆก็ยื่นเฉาก๊วยให้ท่าน รู้เลยว่าท่านรับแบบเสียมิได้จากนั้นท่านก็เดินไปยังที่อื่นๆผมก็ยังมองตามเลย แต่พอท่านลองได้ชิมเฉาก๊วยแล้วคุณรู้หรือเปล่าท่านเดินกลับมาที่ร้านผมทันทีแล้วเอ่ยปากชมว่าเฉาก๊วยอร่อยมาก ทำให้ผมกับท่านได้มีโอกาสพูดคุยกันสักเพียงเท่านี้แหละเฉาก๊วยเราขายดีเสมือนกับแจกฟรีเพราะทั้งข้าราชการ ผู้ติดตาม ประชาชนต่างก็มาอุดหนุนที่ร้านเพียง 3 ชั่วโมงก็ขายหมด 2,000 ถุง”

เลือกทางเดินสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจ
จากผลตอบลัพธ์ที่ดีทำให้คุณเสิรมวุฒิ เชื่อว่าได้เดินมาถูกทางแล้วและธุรกิจนี้แหละที่จะสร้างฐานะของตนเองให้ดีขึ้นอย่างแน่นอน แม้ว่าทุกวันนี้เวลาออกงานทุกอย่างล้วนมาจากการหยิบยืมไม่เฉพาะแต่เงินทุน กระทั่งคูลเลอร์น้ำ หม้อ อุปกรณ์ต่างๆล้วนแต่อาศัยเครดิตที่ตนเองเป็นคนดีน่าเชื่อถือ จึงคิดที่จะจริงจังในการทำธุรกิจ เพราะไม่อยากให้เสียทั้งสองงาน ซึ่งขณะนั้นรายได้จากการขายเฉาก๊วยเดือนนึงรวมกันแล้วมากกว่ารายได้จากการรับราชการ จนกระทั่งปลายปี 2544 เขาก็มาถึงจุดที่ต้องเลือกว่าจะรับราชการ หรือจะทำเฉาก๊วยขายสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจลาออกจากราชการ เพื่อมาทำธุรกิจ “เฉาก๊วยชากังราว” ของตนเองอย่างเต็มเขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะนายของตนเองด้วยการเข็นเฉาก๊วยขายในตลาด แต่เมื่อเห็นว่ายอดขายก็ยังไม่สูงมากส่วนหนึ่งเพราะคู่แข่งก็เยอะ จึงหาตลาดใหม่พร้อมปรับกลยุทธ์การนำเสนอที่แตกต่างจากรายอื่นๆ
“ผมเป็นข้าราชการมาก่อนย่อมรู้จักหน่วยงานราชการมากตรงนี้เป็นจุดแข็งของเรา ผมก็มานั่งวิเคราะห์ว่าจะทำอย่างไรต่อไปก็มาได้คำตอบว่าเราก็นำตรงนี้มาเป็นฐานข้อมูลในการเข้าหาลูกค้าโดยผมเลือกวันไปประมาณ 3-4 วันก่อนสิ้นเดือน เมื่อไปหาลูกค้าเราก็นำเสนอสินค้าให้กับเขาโดยเสนอครั้งละแพ็ก (หนึ่งแพ็กจะมี10 ถุง ราคา 50 บาท)จากนั้นก็บอกเขาว่าเราจะมาเก็บเงินช่วงสิ้นเดือน ส่วนใหญ่ก็ยินดีช่วยซื้อ จนสิ้นเดือนเราก็มาเก็บเงินลูกค้าในหน่วยงานราชการ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีการสั่งซ้ำพร้อมจ่ายเงินสดเนื่องจากทุกคนที่ได้ชิมแล้วก็ติดใจในรสชาติ แต่ไม่สะดวกในการเข้ามาซื้อในตลาดจึงรอให้เราเข้ามาส่งจะดีกว่า”
เมื่อมีฐานลูกค้ามากขึ้นเขาจึงสร้างชื่อให้เฉาก๊วยสูตรใหม่ว่า “เฉาก๊วยชากังราว” ถ้าเสริมวุฒิพอใจกับยอดขายในตลาดหรือในหน่วยงานราชการแบรนด์ชากังราวก็คงจะไม่โด่งดังจนถึงทุกวันนี้

บททดสอบเจ้าของธุรกิจ
คุณเสริมวุฒิมีคติในการทำงาน คือ ความซื่อสัตย์และจริงใจกับคู่ค้าทุกคน แต่บ่อยครั้งพบว่าคู่ค้าที่ทำธุรกิจกับเขาปราศจากความซื่อสัตย์ ครั้งหนึ่งมีพ่อค้าเชื้อสายเวียดนามมาติดต่อขายเฉาก๊วยให้ เขาจึงนำตัวอย่างเฉาก๊วยจากพ่อค้าคนนั้นมาทดลองทำ ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ จึงสั่งพ่อค้าคนนั้นให้นำเฉาก๊วยมาส่งให้ 1 ตัน มูลค่าสินค้ากว่า 100,000 บาท พอนำมาใช้จริงปรากฏว่าเฉาก๊วยให้ยางดีมาก แต่ยางไม่เหนียว กวนแล้วเฉาก๊วยเละเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้คุณเสริมวุฒิเครียดไปหลายวัน เมื่อสอบถามกลับไปยังพ่อค้าๆ บอกว่าเฉาก๊วยที่ส่งมาให้เป็นคนละเกรดกับที่ส่งไปให้ทดลองในครั้งแรก คุณเสริมวุฒิจึงให้พ่อค้าส่งของมาให้ใหม่ โดยเอาเกรดเดียวกับที่นำมาให้ทดลอง พอพ่อค้านำของมาส่งเสร็จเรียบร้อย คุณเสริมวุฒิก็ให้พ่อค้ายกของเดิมกลับไป โดยจ่ายเงินส่วนต่างเพิ่มให้อีกนิดหน่อย เขาบอกว่าที่ต้องทำอย่างนี้ดีกว่าต้องมาแบกภาระค่าใช้จ่ายกับของที่ซื้อมาแล้วใช้ไม่ได้ หลังจากนั้นเขาก็ไม่สั่งเฉาก๊วยกับพ่อค้ารายนี้อีกเลย เพราะถือว่าไม่มีความซื่อสัตย์ในการทำธุรกิจร่วมกั ซึ่ง คุณภาพ…คือหัวใจของการผลิต การผลิตเฉาก๊วยให้มีคุณภาพดีอย่างสม่ำเสมอนั้น กระบวนการผลิตต้องเริ่มจากการคัดเลือกต้นพันธุ์เฉาก๊วยคุณภาพ นำมาเคี่ยวเอายาง ถ้านำต้นเฉาก๊วยที่มีคุณภาพไม่ดีมาใช้ในการผลิต นอกจากจะได้ยางเฉาก๊วยที่ไม่ดีแล้ว กระบวนการผลิตเฉาก๊วยในครั้งนั้นก็จะเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์อีกด้วย

การตลาดเริ่มต้น : เครือข่ายที่แข็งแรง
คุณเสริมวุฒิสร้างรถเข็นเฉาก๊วยชากังราวขึ้นมาพร้อมกับความตั้งใจที่จะแสวงหาตัวแทนขายใน 17 จังหวัดภาคเหนือตอนบนและตอนล่างโดยการเข็นขายไปในทุกๆจังหวัดยกเว้นแม่ฮ่องสอนนับระยะทางในการเดินทางแล้วไปกว่า 1 พันกิโลเมตรโดยใช้ระยะเวลาในการเดินทางหลายเดือนเพื่อที่จะได้เห็นพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างถ่องแท้ในแต่ละจังหวัด
ที่สำคัญยังเป็นการเปิดตัวเฉาก๊วยชากังราวให้เป็นที่รู้จักกันในภาคเหนือโดยเขาจะเข้าไปขายในเขตชุมชนแต่ละจังหวัดเพื่อหาตัวแทนขายซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในแต่ละจังหวัด นอกจากกำไรที่ตัวแทนเหล่านี้จะได้รับแล้วโดยวางเป้าหมายยอดขายเดือนละ3 แสนบาทเขาจะได้ทองหนัก 1 บาทเป็นรางวัลทำให้ทุกคนต่างมีกำลังใจที่จะสร้างยอดขายให้สูงมากขึ้น
“ผมจะมีการประชุมกับเครือข่ายของเราอย่างต่อเนื่องและพยายามถ่ายทอดความรู้ทางการตลาดและการขายที่มีประสิทธิภาพให้กับเขาซึ่งกลยุทธ์เหล่านี้ผมได้พิสูจน์ด้วยตนเองแล้วว่าสามารถใช้ได้จริง เช่น ไปเช่าพื้นที่ในร้านอาหารนำเฉาก๊วยไปวางจำหน่ายในร้านอาหารช่วงแรกลูกค้าไม่รู้จักเราก็ต้องให้เขาชิมฟรีก่อน สมมติลูกค้ามานั่ง 2 คน เราก็ต้องนำเฉาก๊วยใส่ถ้วยไปให้เขาลองชิมฟรีเชื่อว่าทุกคนก็ต้องชิมเพราะกำลังหิว และส่วนใหญ่ก็จะติดใจพอกินข้าวเสร็จก็สั่งเฉาก๊วยเรามาเป็นของหวาน เทคนิคเหล่านี้ที่ผมใช้สอนเครือข่ายของเรา”
เมื่อประสบความสำเร็จในภาคเหนือ เขาก็เริ่มทำตลาดในภาคอีสานแต่ในขณะนั้นชื่อเสียงของเฉาก๊วยชากังราวก็โด่งดังเป็นที่รู้จักโดยผ่านหลายๆสื่อที่ได้มีโอกาสมาชิมรสชาติแสนอร่อยของเฉาก๊วยที่นี่การทำตลาดในอีสานจึงไม่เป็นเรื่องยากเช่นเดียวกับการทำตลาดในภาคกลาง

สร้างแบรนด์ผ่านรสชาติ
สำหรับเคล็ดลับในสร้างแบรนด์ของเฉาก๊วยชากังราว เสริมวุฒิ กล่าวไว้ว่า “การตลาดของผมยึดหลักที่ว่าผมจะไปในที่ที่ไม่มีใครดัง และจะเด่นในที่ไม่มีใครเด่น” ด้วยเหตุนี้การตลาดของเสริมวุฒิก็คือการเข้าไปวางสินค้าในจุดเล็กที่ทุกคนเข้าไปแล้วเห็นสินค้า จากนั้นเขาจะเป็นผู้แนะนำสินค้าด้วยตนเองให้ลูกค้าได้รู้จักโดยมุ่งเน้นเทคนิคการนำเสนอเช่นการเคี่ยวยางเฉาก๊วยโชว์ในงานแฟร์ต่างๆ หรือ การนำต้นเฉาก๊วยมาให้ลูกค้าได้เห็นเพื่อตอกย้ำความเป็นมืออาชีพในด้านนี้
“ผมให้ความสำคัญกับการตลาดและเรื่องของแบรนด์ก็จะตามมาเพราะถ้าเราประสบความสำเร็จทางการตลาดชื่อเสียงของแบรนด์ย่อมได้รับการยอมรับไปด้วย เฉาก๊วยชากังราวเริ่มต้นจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพ สินค้าที่มีเอกลักษณ์และแตกต่างกับคู่แข่งอย่างที่ลูกค้าทุกคนรู้สึกได้ ถ้าเขาเคยชิมของเราจะรู้เลยว่านี่คือเฉาก๊วยชากังราวและถ้าต้องการเฉาก๊วยรสชาติเช่นนี้ก็มีแบรนด์เดียวคือของเราเท่านั้น”
สำหรับการสร้างแบรนด์ในสายตาของเสริมวุฒิก็คือเรื่องของชื่อเสียง ถ้ารักษาชื่อเสียงให้ดีก็จะสามารถครองใจลูกค้าได้ ฉะนั้นสิ่งสำคัญในการรักษายอดขายและสร้าง Brand Royalty ของเสริมวุฒิก็คือการทำทุกอย่างให้มีคุณภาพนับตั้งแต่เรื่องวัตถุดิบ การผลิต และการตลาดเพื่อสร้างการยอมรับจากลูกค้าทุกคนทั้งในเรื่องรสชาติและคุณภาพของสินค้า

การส่งต่อความสำเร็จ
ปัจจุบันคุณเสริมวุฒิหันมาลุยงานด้านการขยายตลาดเฉาก๊วยชากังราวอย่างเต็มที่ และได้มอบหมายให้ลูกสาวคนเดียว-คุณสุวนิตย์ สุวรรณโรจน์ เป็นผู้ดูแลการผลิตแทน ปัจจุบันโรงงานผลิตเฉาก๊วยสามารถผลิตเฉาก๊วยชากังราวได้ถึง 3,000-4,000 ถุง ภายในเวลาชั่วโมงเศษๆ และเฉาก๊วยแต่ละถุงก็จะมีคุณภาพดีเท่ากันทุกถุงด้วยสร้าง คอลัมน์ ป.โท ราม ขอคารวะ ด้วยใจจริง “คนดีศรี แผ่นดิน เมืองชากังราว”

คอลัมน์ -ป.โท ราม

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ชมรมสื่อโซเชียลประเทศไทย
095-342-168