! 5 สว.ระดับประเทศจังหวัดกำแพงเพชร ต่อมโมโหแตก คลั่งชาติ ยังดีกว่าขายชาติ นักการเมือง จ้องขุดสมบัติชาติน้ำมันอ้างที่ทับซ้อน เสวยสุข เฉพาะกลุ่มตนเอง บ่อน้ำมันลานกระบือ เริ่มผลิต ปี 2525 รวม 42 ปี คนกำแพงเพชร ยังจนถึงปัจจุบัน
สำนักงานข่าวหนังสือพิมพ์ STNEWSรายงานวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 นายชัยพันธ์ ศรีคชไกร สว. กลุ่ม 18 สื่อมวลชน นายธนทัต ประเสริฐนู สว.กลุ่ม 18 สื่อมวลชน นายสุทัศน์ ชัยกิตติเถกิงเดช สว.กลุ่ม 7 นางสาวพัชรินทร์ ปู่สุข สว.กลุ่ม 9 นายรชต ธิยานันท์ สว.กลุ่ม 13 ระดับประเทศจังหวัดกำแพงเพชร 5 สว. ตัวตึง แห่งเมืองชากังราว ถามนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และตัวแทนคณะรัฐมนตรี ที่จะตั้งคณะไปเจรจาตาม MOU 2544 ช่วยตอบคำถามง่ายๆ ตามแผนที่พลังงานในอ่าวไทย
ที่กัมพูชา ตีเส้นแบ่งเขตแดนเคลมผ่าเกาะกูดเข้ามากลางอ่าวไทย ประเทศไทยจะไปยอมเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์ตามโครงการคนละครึ่งโดยไม่ทำการเจรจาเขตแดนทางทะเลให้ยุติก่อน เพียงอ้างว่า ถ้าไม่รีบขุดมาใช้น้ำมันและก้าซจะหมดราคาหมดคุณค่าในอนาคต และให้คนไทยฝันว่าจะได้ใช้น้ำมันและก๊าซราคาถูกนั้น ตอบให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ รับทราบด้วยครับว่าพื้นที่แปลงสัมปทานขุดเจาะไหน เป็นของไทย เพราะเท่าที่นับได้ ตามแผนที่ที่ถูกอ้างความทับซ้อนนั้นมี บริษัท chevron 16 แปลง มี บริษัท total 1 แปลง มีบริษัท pttep 2 แปลง ตอบให้คนไทยักชาติคลั่งชาติ ให้หูตาสว่างด้วยครับว่า
คนไทยทั้งประเทศจะได้ประโยชน์ตรงไหน จะได้ใช้น้ำมันและก๊าซราคาถูกอย่างไร กลุ่ม 5 สว.ตัวแทนจังหวัดกำแพงเพชร ถามกลับไปถึงนายกรัฐมนตรี “ ธนทัต ” สว.กลุ่ม 18 สื่อมวลชน กำแพงเพชร กล่าวว่า ยุคศตวรรษ 21 ประเทศไทย ของเรายังมีนักการเมืองซื้อเสียง เข้ามาถอนทุนและกอบโกยผลประโยชน์ของชาติ ขุดก๊าซและน้ำมัน ทรัพย์สมบัติของชาติ กลุ่มนักการเมืองรวยกระจุก จนกระจาย ยกตัวอย่างจังหวัดกำแพงเพชร ค้นพบแหล่งน้ำมันลานกระบือ ขุดเจาะนำน้ำมันมาใช้ประโยชน์ ตั้งแต่ ปี 2525 รวมเป็นระยะเวลา 42 ปี ที่ขุดเจาะนำน้ำมันขึ้นมาใช้ประโยชน์ คนกำแพงเพชร ปัจจุบันก็ยังจนอยู่ ไปรวยเฉพาะนักการเมือง” นายสุทัศน์ “ นักกฏหมายอิสระ เห็นด้วยอย่างยิ่งว่า คนไทยทั้งประเทศ ไม่ไว้ใจ เชื่อใจ รัฐบาล นักการเมือง อีก 20 -30 ปี ประชาชน คนไทยฉลาดมากขึ้น นักการเมืองไม่ซื้อสิทธิซื้อเสียง ตอนนั้นค่อยขุดเจาะก๊าซและนำมัน สมบัติของประเทศประชาชน จะได้ผลประโยชน์สูงสุด เขมรไม่ได้ต้องการเกาะกูดแต่ต้องการพลังงาน” นางสาวพัชรินทร์“ ดิฉันเห็นคนของรัฐบาล พูดเป็นสูตรเดียวกันว่า เกาะกูดเป็นของไทย จะปกป้องสุดชีวิต ให้ดูเท่ห์ดูดี พวกคุณอย่าไปหลงประเด็น สร้างความสับสน พวกคุณรู้ไหมว่า วันนี้เขมรเขาต้องการอะไร เขมรเขาไม่ได้ต้องการเกาะกูด แต่เขมรเขาต้องการพลังงานก๊าซ น้ำมัน และพื้นที่ทับซ้อนวันที่เขมรได้พลังงานไปแล้ว ในอนาคตจะนำไปสู่ เขมรต้องการพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เพราะเขาอ้างได้ว่า พลังงานเป็นของเขา พื้นที่ทับซ้อนก็ต้องเป็นของเขาด้วย แม้แต่เกาะกูดของเรา ก็ดูพิกลพิการ มีแต่ตัวเกาะ แต่เขตไหล่ทวีปด้านประชิดเขมร กลายเป็นยอมให้เขมรมาอ้างสิทธิ์ อนาคตเขมรอาจจะอ้างเลยไปถึงพื้นที่ของตัวเกาะก็ได้ เพราะเราไปยอมรับเส้นอ้างสิทธิของเขา ในทางกลับกัน MOU 44 พวกคุณ (รัฐบาลไทย)ก็ต้องการแต่พลังงาน การเจรจาเขตแดนทางทะเล พวกคุณก็ไม่ใส่ใจที่บังคับให้เขมรเจรจา เขตแดนทางทะเล ในพื้นที่พัฒนาร่วม(พลังงาน) แม้แต่พื้นที่ทับซ้อนที่เขมรอ้างสิทธิ์ พวกคุณก็ยอมเขมรแบบง่ายๆ จนพื้นที่ทับซ้อนใหญ่โตถึง 26,000ตร.กม. ด้านประชิดเกาะกูดก็ไม่เหลือ เพราะพวกคุณมองแต่พลังงานเป็นหลัก จนยอมเขมรทุกอย่าง
หยุดพูดได้แล้วว่า เกาะกูดเป็นของไทย จะปกป้องเกาะกูด แค่นี้ก็รู้แล้วว่า พวกคุณพูดให้ประชาชนสับสน เพราะพวกคุณจ้องแต่ประโยชน์พลังงาน จนยอมเขาทุกอย่าง ยอมที่ขายชาติ สุดท้ายจะสร้างปัญหาให้ลูกหลาน เหมือนประสาทพระวิหาร ในอนาคต ”ชัยพันธ์ “สว.กล่ม 18 สื่อมวลชน ระดับประเทศจังหวัดกำแพงเพชร กล่าวว่า อย่าให้ประวัติศาสตร์ เหมือนเสียประสาทเขาพระวิหาร เป็นกรณีพิพาทเรื่องอนาเขต ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา (เขมร ) พล.อ.สฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี ขณะนั้น ขอสงวนสิทธิ 15 มิถุนายน 2505 คำพิพากษาของศาลโลก ไม่มีผลผูกพันผู้ใด นอกจากคู่กรณีและในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคดีนั้น”
ฉะนั้น คำพิพากษาของศาลโลก จึงผูกพันเฉพาะไทยและกัมพูชา ใช้อ้างยันกับผู้อื่นมิได้ และไม่ผูกพันประเทศที่ 3 หรือองค์การระหว่างประเทศ อาทิ ยูเนสโกหรือคณะกรรมการมรดกโลก และไม่มีผลเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่อย่างใด เนื่องจากการขึ้นทะเบียนมิใช่ข้อพิพาทในคดีที่ศาลโลก ตัดสิน แต่รัฐบาลในที่สุดรัฐบาลหุ่นเชิด นายสมัคร สุนทรเวช โดย “นายนพดล ปัทมะ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในขณะนั้นไปเซ็นลงนามในแถลงการณ์ร่วม (Joint communiqu?) พ.ศ.2551 และเอกสารฉบับดังกล่าวก็เป็นเอกสารสำคัญที่ทำให้กัมพูชาสามารถขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียวได้เป็นผลสำเร็จ โดยมียูเนสโกร่วมสมคบคิดเพื่อมุ่งหวังผลประโยชน์จากเม็ดเงินที่จะเกิดขึ้นจากการบูรณะปราสาทและการท่องเที่ยว
และเมื่อสามารถขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกได้ กัมพูชาก็รุกคืบด้วยการผลักดันแผนบริหารจัดการพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารเพื่อหวังยึดดินแดนของไทย จากนั้นก็นำมาซึ่งอีกสารพัดการสร้างสถานการณ์เพื่อเรียกคะแนน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดฉากสงครามที่แนวรบปราสาทพระวิหาร ภูมะเขือ เพื่อวางแผนนำเรื่องเข้าสูการพิจารณาของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ(UNSC) ก่อนที่ UNSC จะโยนเรื่องให้อาเซียนเป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท หรือการเปิดฉากสงครามที่ปราสาทตาควาย ตาเมือนธม
ก่อนที่จะจบลงในวันที่ 28 เมษายน 2544 ซึ่งเป็นวันที่ประเทศไทยได้รู้เช่นเห็นชาติและไส้ในทุกขดของกัมพูชากันอีกครั้งหลังจากรัฐบาลนายฮุนเซนยื่นเรื่องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเพื่อขอให้ตีความคดีปราสาทพระวิหาร และในที่สุดความพ่ายแพ้ก็มาเยือนไทยเป็นคำรบแรก หลังจากที่ “นายฮิซาชิ โอวาดะ” ประธานศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(International Court of Justice-ICJ)” อ่านคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลกจบลง “คนไทยไม่ใช่คลั่งชาติ ” แต่รักชาติและหวงแหนสมบัติชาติ “ มากกว่านักการเมือง ”ชัยพันธ์ “ สว.กลุ่ม 18 สื่อมวลชนจังหวัดกำแพงเพชร กล่าว
ข่าว-สมหมาย ศรีสมุทร นสพ.STNEWS